วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรู้รอบตัว 415 ข้อ อ่านประดับความรู้ก่อนสอบ !!



ความรู้รอบตัว
1. ประเทศใดผลิตทองแดงมากที่สุด (สหรัฐฯ)
2. รัฐบุรุษอาวุโสคนแรกของไทยคือใคร (นายปรีดี พนมยงค์)
3. ธงไตรรงค์มีใช้ในรัชสมัยใดเป็นครั้งแรก (รัชกาล ที่ 6)
4. กำหนดให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่แทนวันสงกรานต์ในรัชสมัยใดเป็นครั้งแรก (รัชกาลที่ 8)
5. วรรณคดีเรื่องแรกของอยุธยาคือเรื่องอะไร (ลิลิตโองการแช่งน้ำ)
6. ชาติใดเป็นชาติแรกที่เดินเรือ (อียิปต์โบราณ)
7. ระบบงานอุตสาหกรรมเริ่มครั้งแรกในประเทศใด (อังกฤษ ปลายศตวรรษที่ 18)
8. คัมภีร์แพทย์แผนโบราณมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าอะไร (ประถมจินดา)
9. ถุงลมนิรภัยติดตั้งครั้งแรกกับรถยนต์ยี่ห้อใด (ไครสเลอร์)
10. กรุงโรมยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของใคร (จูเลียส ซีซาร์)
11. ประเทศใดได้ชื่อจัดการกับขยะดีที่สุดในโลก (ญี่ปุ่น)
12. ป่าที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาคือป่าอะไร (ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน)
13. งานวันกาชาดมีครั้งแรกในรัชสมัยใด (รัชกาลที่ 7)
14. ผู้นำต่อสู้การเหยียดผิวในอเมริกา ได้รางวัลโนเบล ปี 2507 คือใคร (มาร์ติน ลูเธอร์ คิง)
15. นกไนติงเกล ได้ชื่อว่าร้องเพลงไพเราะ เป็นนกจำพวกไหน (นกกางเขน)
16. ทำไมสเปนเลือก 12 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันชาติ (วันที่โคลัมบัสพบทวีปอเมริกาเปรียบเสมือนการค้นพบโลกโหม่)
17. ประเทศใดในยุโรปใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากรัสเซียและฝรั่งเศส (สเปน)
18. รัฐใดของออสเตรเลียห้ามผู้หญิงขึ้นชกมวย (นิวเซาท์เวลส์ แคนาดายอมให้ผู้หญิงชกมวยในปี 2534 ปี 2536 สหรัฐฯ ยอมตาม)
19. จังหวัดใดได้ชื่อมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุด (กระบี่)
20. โรคเอดส์ถูกพบครั้งแรกที่ไหน (สหรัฐฯ ปี 2521)
21. ชาวซาไกใช้อะไรชุบปลายลูกดอกเพื่อให้เกิดพิษ (ยางน่อง)
22. ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเมื่อปีไหน (ปี 2535 เด็กทุกคนได้รับการคุ้มครองตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญา)
23. คลองปานามาเป็นอิสระสิ้นสุดการควบคุมของสหรัฐฯ เมื่อใด (14 ธันวาคม 2542)
24. ใครเป็นนางเอกหนังไทยคนแรก (เสงี่ยม นาวีเสถียร)
25. ผ้าขะม้าไทยเพี้ยนมาจาก "จาม่า" ซึ่งเป็นผ้าพาดบ่าของชาติใด (เปอร์เซีย)
26. นางคอราซอน อาคีโน เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศใด (ฟิลิปปินส์)
27. เทือกเขาแห่งใดยาวที่สุดในโลก (เทือกเขาแอนดีส)
28. แหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของจีนอยู่ในลุ่มแม่น้ำใด (แม่น้ำฮวงโห)
29. ประเทศใดกินปลามากที่สุด (ญี่ปุ่น)
30. เขื่อนแห่งใดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ (เขื่อนบางลาง ยะลา)
31. ใครสอนเด็กตาพิการของไทยเรียนอักษรเบรลเป็นครั้งแรก (นางสาวเจนนิเฟอร์ คลอฟิลด์)
32. พุทธเจดีย์ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน (เจดีย์โบโรบูดูร์ อินโดนีเซีย)
33. อิสราเอลมีพลเมืองนับถือศาสนาใดมากที่สุด (จูดาอิสม์ หรือยิว)
34. พระสันตะปาปาองค์แรกคืออะไร (เซนต์ปีเตอร์)
35. ใครซื้อภาพโมนาลิซาเป็นคนแรก (พระเจ้าฟรานซิสที่1 แห่งฝรั่งเศสพระองค์ใช้ภาพนี้ประดับห้องน้ำ)
36. พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของอินเดียคือพรรคอะไร (คองเกรส)
37. วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปี เป็นวันสำคัญอย่างไรต่อชาวโลก (วันที่อยู่อาศัยโลก)
38. อัลเฟรดมหาราช เป็นมหาราชองค์เดียวของประเทศใด (อังกฤษ)
39. ตำนานว่าด้วยกำเนิดมนุษย์ในพระคัมภีร์ไบเบิลอยู่ที่ไหน (สวนอีเด็น)
40. ใครประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปโกดัก (ยอร์จ อีสต์แมน)
41. ดินแดนของชาวปารสัส ที่แปลว่า "เสือ" คือประเทศใด (เปอร์เซียหรืออิหร่าน)
42. ดินแดนของชาวปารสัส ที่แปลว่า "เสือ" คือประเทศใด (เปอร์เซียหรืออิหร่าน)
43. ยุคหินแบ่งเป็น 3 ยุค มียุคอะไร (ยุคหินเก่า, หินกลาง และหินใหม่)
44. เรือกอและในแถบจังหวัดภาคใต้ตอนล่างใช้ประโยชน์อะไร (เป็นเรือประมง)
45. ราชวงศ์แรกของจีนคือราชวงศ์ใด (ราชวงศ์เซียะ)
46. แลบลิ้นต้อนรับ ใช้จมูกถูกัน เป็นการทักทายต้อนรับของชาวพื้นเมืองใด (ชาวเมารี)
47. บ้านเลขที่ 99999 คอร์วาตุนตุริ ฟินแลนด์ เป็นบ้านของใคร (ซานตาคลอส)
48. ใครค้นพบแกสฮีเลียม, อาร์กอน, นีออน (เซอร์วิลเลียม แรมซี นักเคมีชาวอังกฤษ)
49. ผู้ปลดปล่อยฟิลิปปินส์จากสเปนและเป็นประธานาธิบดีคนแรกคือใคร (อีมิลิโอ อะกวินนัลโด)
50. ผลไม้อะไรมีวิตามินซีสูงสุด (มะขามป้อม)
51. ผักเก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์เคยรู้จักคืออะไร (ถั่ว)
52. นกแร้งคอนดอร์ นกบินได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาศัยอยู่แถบไหน (เทือกเขาแอนดีส)
53. ใครสร้างเครื่องพิมพ์หนังสือเป็นคนแรก (คูเตนเบิร์ก ชาวเยอรมัน)
54. ทางหลวงสายแรกของไทยสร้างสมัยใครเป็นนายกรัฐมนตรี (จอมพล ป. พิบูลสงคราม)
55. ใครคิดสูตรคูณ (พิธากอรัส นักปรัชญากรีก)
56. ใครตั้งโรงเรียนกุลสตรีวังหลังโรงเรียนสตรีแห่งแรกของไทย (แหม่มเฮ้าส์)
57. แหม่มแตตตูนตั้งโรงเรียนอะไร (โรงเรียนสำเหร่บอยคริสเตียนสกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนราษฎร์แห่งแรกของไทย)
58. แหล่งกำเนิดหอยแครงใหญ่ที่สุดของไทยอยู่ในจังหวัดใด (เพชรบุรี)
59. ใครเสนอใช้ X เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องหมายคูณ (วิลเลียม ออกเทร็ด นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ)
60. ชาติ กอบจิตติ ได้รับรางวัลซีไรต์จากหนังสือ 2 เรื่องคือเรื่องอะไร ("คำพิพากษา" ปี 2525และ "เวลา" ปี 2537)
61. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตที่ประเทศใด (อังกฤษ)
62. ฟุตบอลสโมสรชิงถ้วยสำคัญของอังกฤษคือถ้วยใบใด (ถ้วยพรีเมียร์ชิพ)
63. 23 รัฐของสวิตฯ มีเมืองหลวงอยู่ที่รัฐไหน (เบิร์น)
64. โจเซฟ บีเดนฮาร์น ให้กำเนิดน้ำอัดลมยี่ห้ออะไร (โคคา-โคล่า)
65. พรานล่าช้างเอางา ล่าหมีเอาอะไร (ดีหมีใช้เป็นตัวยามีราคาดี)
66. ใครเป็นกวีแห่งชาติคนแรกของรัสเซีย (พุชกิน)
67. ปลากะโห้ถูกพบครั้งแรกที่ไหน (ไทย)
68. กาสิโนแห่งเดียวบนแผ่นดินมุสลิมคือที่ใด (กาสิโนเกนติ้ง มาเลเซีย)
69. "ลอสเซอร์วาตอเรโรมา" เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวของที่ใด (สำนักวาติกัน)
70. ใครพบน้ำตกวิกตอเรีย (ลิฟวิ่ง สโตน)
71. การปฎิวัติอุตสาหกรรมเริ่มครั้งแรกในประเทศไหน (อังกฤษ)
72. ผลผลิตอะไรทำให้เวเนซุเอลารวยที่สุดในประเทศอเมริกาใต้ (น้ำมัน)
73. แม่น้ำโวลกา แม่น้ำสายยาวที่สุดในโลกอยู่ในประเทศใด (รัสเซีย)
74. เทศกาลดื่มเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลกคือเทศกาลอะไร (ออกโทเบอร์ เฟสต์ นครมิวนิก เยอรมนี)
75. อุทยานแห่งชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่สุดคือแห่งใด (อุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น สระบุรี)
76. นักฟิสิกส์คนแรกของโลกคือใคร (อคิมีดีส)
77. รูปใครปรากฎบนแสตมป์ดวงแรกของสหรัฐ (จอร์ช วอชิงตัน)
78. ใครสร้างภาพยนต์การ์ตูนสีสวยเป็นคนแรก (วอล์ท ดีสนีย์)
79. ทุก ๆ กี่ปีดาวศุกร์จะโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด (8 ปี)
80. ใครพบวงจรโลหิตเป็นคนแรก (วิลเลียม ฮาร์วีย์)
81. ชาวเกาหลีเหนือยกย่องใครเป็น "บิดาผู้เป็นอมตะ" (คิม อิล ซุง)
82. ตำแหน่งสูงสุดของชาวมุสลิมในไทยคือตำแหน่งอะไร (จุฬาราชมนตรี)
83. โรงเรียนกีฬาแห่งแรกของไทยอยู่ที่ไหน (วิทยาลัยพลศึกษา สุพรรณบุรี)
84. หมีกรีซลี หมีตัวใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในดินแดนใด (อเมริกาเหนือ)
85. ธนบัตร มีใช้ครั้งแรกในรัชกาลใด (รัชกาลที่ 5)
86. มีประกาศใช้พระราชบัญญัตินามสกุลในรัชสมัยใด (รัชกาลที่ 6)
87. ใครเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีน (ปูยี)
88. เรือพาณิชย์ใช้พลังงานปรมาณูลำแรกของโลกคือเรือลำใด (ซาแวนนา)
89. การประกวดนางสาวไทยมีครั้งแรกปี 2477 ใช้ชื่อประกวดอะไร (นางสาวสยาม)
90. จังหวัดภาคอีสานที่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ มากที่สุดคือจังหวัดอะไร (นครพนม)
91. ชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม คือใคร (แฮรี ซินแคลร์ ลิวอิส)
92. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเล็กที่สุดในโลกคืออะไร (ค้าวคาวคุณกิตติ)
93. ใครเป็นจักรพรรดิรัสเซียองค์สุดท้าย (พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2)
94. นาฬิกาแดดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคืออะไร (มหาพิระมิดแห่งคีออปส์ในอียิปต์)
95. เดวิด บุชเนล คิดสร้างอะไร (เรือดำน้ำ)
96. น้ำพุธรรมชาติสวยที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน (น้ำพุ เยลโล สโตน สหรัฐฯ)
97. ไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติในรัชสมัยใด (รัชกาลที่ 9)
98. ไทยเป็นเจ้าเหรียญทองครั้งแรกในกีฬาซีเกมส์นอกบ้านครั้งใด (ซีเกมส์ ครั้งที่ 20 บรูไน)
99. เซอร์วิลเลียม แรมพบอะไร (นิเกล)
100. โบสถ์แห่งใดในปารีสที่แปลว่า "แม่ของเรา" (โบสถ์โนทเทอดัม)
101. เรือกลไฟลำใดข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นลำแรก (เรือซาแวนนา)
102. เมืองใดในคิวบา ที่ทหารเรืออเมริกันรบชนะสเปน (เมืองซานติอาโก)
103. คนโบราณใช้ต้นไม้อะไรทำกระดาษเขียนหนังสือ (ต้นปาปิรัส เดิมขึ้นในอียิปต์)
104. ผู้ประกาศข่าวคนแรกแผนกภาษาไทย วิทยุบีบีซีคือใคร (เสนาะ ตันบุญยืน)
105. กาแฟมีปลูกมากเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดใด (อ. สวี ชุมพร)
106. สถานีอวกาศเมียร์ของรัสเซียถูกปล่อยตกลงในมหาสมุทรในปีใด (ปี 2000)
107. ห้างค้าปลีกแห่งใดใหญ่ที่สุดในโลก (วอล มาร์ทสโตร์ สหรัฐฯ)
108. ทะเลสาบสุพีเรีย ทะเลสาบใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ไหน (แคนาดากับสหรัฐฯ)
109. ลิขสิทธิ์หนังสือเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศใด (อังกฤษ)
110. ใครเป็นคนแรกที่คิดทำฝนเทียมในไทย (ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล)
111. จังหวัดใดปลูกพริกไทยมากที่สุด (จันทบุรี)
112. "รัทแลนด์" เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของประเทศใด (อังกฤษ)
113. โรอัลด์ อะมุนด์เซน ชาวนอร์เวเดินทางไปถึงที่ใดเป็นคนแรก (ขั้วโลกใต้)
114. ประเทศใดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เกิดไฟป่ามากที่สุด (อินโดนีเซีย)
115. ตำแหน่ง "ธรรมศาสตราจารย์" คนแรกคือใคร (ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์)
116. รางรถไฟเส้นทางแรกของโลกสร้างขึ้นที่ประเทศใด (อังกฤษ)
117. โบราณสถานแห่งใดของไทย อายุเก่าแก่กว่านครวัด (ปราสาทหินพิมาย)
118. สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทย เกิดขึ้นเมื่อใด (พ.ศ. 2473 โดยพระดำริของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชร อัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม)
119. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อใด (เปลี่ยนชื่อมาจาก "สถานีวิทยุกรุงเทพฯ" เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 โดยกรมโฆษณาการ (หรือกรมประชาสัมพันธ์) เป็นผู้ดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน)
120. ทางหลวงแผ่นดิน สายประธานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือ ทางหลวงสายใด (ทางหลวงสายใต้คือ ถนนเพชรเกษม )
121. ทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดของประเทศไทย คือ ทางรถไฟสายใด ( ทางรถไฟสายใต้ )
122. อุโมงค์รถไฟยาวที่สุดของไทย อยู่ที่ใด ( อุโมงค์ขุนตาน จังหวัดลำปาง )
123. ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในโลก คือปลาอะไร ( ปลาบึก )
124. สะพานที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย คือ สะพานใด ( สะพานติณสูลานนท์ )
125. สะพานขึง ระนาบเดี่ยวในโลกมี 6 แห่ง ที่ใดมีความยาวที่สุดในโลก ( สะพานพระราม 9 ของไทย )
126. หอประชุมใหญ่ที่สุดของประเทศไทย คือ หอประชุมแห่งใด (ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ )
127. นวนิยายไทยเรื่องใด ถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากที่สุด ("ไผ่แดง" จากบทประพันธ์ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช )
128. ผลงานการเขียนหนังสือและงานประพันธ์ของคนไทยผู้ได้ ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศอกเผยแพร่มากที่สุด ( ผลงานเขียนของ พระธรรมโกศาจารย์ หรือ ท่านพุทธทาสภิกขุ วัดธานน้ำไหล สวนโมกขพลาราม )
129. หนังสือพิมพ์ของไทยฉบับใด มีอายุยืนยาวนานที่สุดจนถึงปัจจุบัน (หนังสือราชกิจจานุเบกษา)
130. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของไทยแห่งใดมี "ทับหลัง" แสดงไว้มากที่สุดในประเทศไทย

131. (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ริมแม่น้ำมูล อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา )
132. พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใหญ่ที่สุดในโลก และมีค่ามหาศาลคือพระพุทธรูปงค์ใด (พระสุโขทัยไตรมิตร วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร )
133. พระพุทธไสยาสน์ หรือพระพุทธรูปนอนที่ยาวที่สุดในประเทศไทยคือองค์ใด (พระพุทธไสยาสน์ดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) )
134. ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ที่จังหวัดใด ( ตู้ไปรษณีย์ของอำเภอเบตง มุมถนนสุขยางค์ จังหวัดยะลา )
135. พระพุทธรูปหล่อโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่วัดใด ( พระพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี )
136. พระยืนที่สูงที่สุดในโลก คือ พระพุทธรูปองค์ใด ( พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี ประดิษฐานอยู่ที่ วัดบูรพาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด )
137. ใครเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด ( จอมพล ป. พิบูลสงคราม )
138. นายกรัฐมนตรีไทยคนใด อยู่ในตำแหน่งระยะเวลาสั้นที่สุดเพียง 17 วัน (นายทวี บุณยเกตุ)
139. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2445 )
140. สมาคมกีฬาไทย ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อใด (จัดตั้งขึ้นใน พ.ศ.2475โดยใช้ชื่อว่า "สมาคมกีฬาสยาม" )
141. รถยนต์คันแรกที่ประกอบโดยคนไทย คือ รถยนต์คันใด ( รถยนต์ชื่อ "เลื่อนคาร์"
142. เป็นรถยนต์ตัวถังไม้สักหุ้มอลูมิเนียม ใช้เครื่องยนต์มอเตอร์ไซด์ 2 แรง คล้ายรถจิ๊ปแลนด์โรเวอร์ประดิษฐ์โดย นายเลื่อน พงษ์โสภณ ในปี พ.ศ. 2497 นั่งได้ 4 คน )
143. นวนิยายเรื่องแรกของไทย คือเรื่องใด เกิดขึ้น เมื่อใด ( "ความพยายาม" เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6ดยแปลจากเรื่อง Vendelta ของ Mary Crelli ผู้แปลคือพระยาสุรินทรราชาซึ่งใช้นามปากกาว่า"แม่วัน")
144. เรื่อดำน้ำของไทยลำแรก มีชื่อว่าอย่างไร และมีขึ้นในสมัยใด ( ในสมัยราชกาลที่ 7 โดยสั่งซื้อ
145. จากบริษัทมิตซุยแห่งญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2479 จำนวน 2 ลำ ได้ตั้งชื่อว่า เรือหลวงมัจฉานุ และเรือหลวงวิรุฬ )
146. ฝาแฝดลำตัวติดกันคู่แรกของโลกเป็นชาวไทย มีชื่อว่าอย่างไร ( ชื่อ อิน-จัน เป็นชาวจังหวัด
147. สมุทรสงคราม เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 )
148. กิจการสหกรณ์ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อใด ( ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จ
149. พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 )
150. สะพานแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำโขง คือ สะพานใด ( สะพานมิตรภาพไทย-ลาวระหว่างจังหวัดหนองคายกับนครเวียงจันทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2537 )
153. ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก คือเรื่องใด สร้างสมัยใด (ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก คือ นางสาวสุวรรณ สร้างโดย นาวเฮนรี แมคเรย์ ชาวอเมริกัน ในสมัยรัชกาลที่ 6 )
154. โทรศัพท์เริ่มใช้เครื่องแรกในประเทศไทยเมื่อใด ( ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2424 )
155. สายโทรเลขสายแรกของประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อใด ( สายโทรเลขสายแรก คือ สายกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ในปี พ.ศ. 2418 ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 5 )

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 สุดยอดคำสาปของโลก



อันดับ 10 เพชรโฮป (Hope Diamond)
เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต โดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ ได้ขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) เทวรูปฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งของอินเดีย เมื่อราว ค.ศ. 160

โดยหารู้ไม่ว่าโคตรเพชรนี้มีคําสาปติดมาด้วย นั่นคือ

มันผู้ใดที่ขโมยหรือครอบครองเพชรโฮป จะต้องประสบความวิบัติทุกรายไป!

และก็จริงตามคําสาป นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้

จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และพระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคล


จนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน

ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน

ในที่สุด

ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน

อันดับ 9 วิหารกระดูก แห่งเมือง อีโวราโปรตุเกส วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 
โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่ประหลาดพิสดารคือ ผนังภายในวิหารนี้สร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คนครับ เท่านั้นไม่พอ มีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านหนึ่งด้วย!

ตํานานวัดระบุว่า

ครั้งกระโน้นมีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่น ในคาทอลิก แต่ได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายกับลูกชายของ เธอเองช่วยกันโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิต เธอได้สาป ให้วิญญาณของเขาทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธา ก็จะไม่ยินดีรับร่างของเขาไว้

ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็ถึงแก่มรณกรรม

ชาวเมืองพยายามขุด หลุมฝังศพของเขา แต่ขุดลงไปที่ใดก็เจอะแต่หิน เมื่อจนปัญญา พวกเขาจึงนําเอาซากศพทั้งสองขึ้น ไปห้อยแขวนไว้กับ ผนังวิหารดังกล่าว สําหรับให้นักบวชได้ใช้ปลง ในระหว่างทําสมาธิ ก็นับเป็นคําสาปที่ขลังยิ่ง 

อันดับที่ 8 ละครเรื่อง แม็คเบ็ธ (Macbeth) ของเชคสเปียร์
ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น เคืองแค้น ที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไป-หากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบท แม็คเบ็ธ


ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง 

โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที

และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด

เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ

ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ

พอแม็คเบ็ธ ถูกแทงล้มลง กลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดน แทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา

อันดับ 7 คําสาปของ อลิสแตร์ ครอว์ลีย์ พ่อมดแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์, สกอตแลนด์ ปี 1899
ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยว ทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสุรสัตว์ กล่าวกันว่า เขาขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้ เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว

ก่อนตาย ครอว์ลีย์ ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอด เขาแห่งหนึ่ง

ซึ่งเรียกกันว่า ปล่องไฟปีศาจ และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย

ปล่องไฟปีศาจ ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี 

แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลยครับ ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว!

อันดับ 6 คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์ สหรัฐฯ 
แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการ จัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่า บลัดดี้มารีทัวร์

ทั้งนี้ ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ 

เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ

จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ 

(ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร) ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้ 

อันดับ 5 คําสาป ตุตันคาเมน อียิปต์
เรื่องนี้เราคงเคยได้ฟังกันมาแล้ว จึงขอผ่านนะคะ สรุปสั้นๆแค่ว่า ทั้ง โฮวาร์ด คาร์เตอร์, ลอร์ด คาร์นาวอน และผู้มีส่วนรบกวนสุสานของฟาโรห์องค์ นี้ ล้วนมีอันล้มหายตายจากก่อนวัย อันควรทั้งนั้น

อันดับ 4 อีกา แห่งป้อมปราสาท ลอนดอน (Tower of London) 
ป้อมปราสาทนี้ เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะถูกใช้เป็นที่คุมขังและ ประหารบุคคลสําคัญๆ ของอังกฤษมากมาย หลายท่าน ณ ลานปราสาทแห่งนี้จะมีการเลี้ยงดูอีกา จํานวน 6 ตัว เนื่องจากมีคําสาปมานานกว่า 900 ปี ว่า ถ้าหากอีกาลดจํานวนลงเมื่อใด เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือน นครลอนดอน และสิ้นสุดพระราชวงศ์แห่งอังกฤษ!

เรื่องนี้มีตํานานปรากฏเป็นเอกสาร

ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ราวศตวรรษที่ 17 ด้วยนะคะ ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยแต่อย่างใด และทําให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยาม หรือกษัตริย์ถือเป็นเรื่องจริงจังอย่างเคร่งครัด

เช่นว่า ถ้ามีอีกาตายหนึ่งตัว จะต้องรีบถวายรายงานต่อควีนทันที

และต้องจัดหาอีกาตัวใหม่ มาทดแทนโดยด่วน ซึ่งอีกาทุกตัวจะมีชื่อเรียก และถ้าตายก็จะถูกนําไปฝังอย่างมีพิธีการ จะมีการเลี้ยงอีกาไว้สํารองตลอดเวลา

ถ้าตัวใดล้มป่วย ก็ต้องรีบตรวจสอบ

หาไม่ถ้าหากตายโดยโรคติดต่อ (เช่น ไข้หวัดนก) และเช้าขึ้นมาอีกาตายเกลี้ยงละก้อ เชื่อกันว่าทั้งพระราชวงศ์ก็จะอันตรธานไปเช่นกัน 

อันดับ 3 คําสาปตะกั่วแห่งกรีซ ใน ค.ศ. 1979
มีการขุดค้นโบราณสถานชื่ออโกรา, นครเอเธนส์ ทําให้พบแผ่นม้วนตะกั่วบางๆ ซึ่งมีจารึกภาษาโบราณอันเป็นคําสาปปรากฏอยู่ แผ่นตะกั่วนี้เรียกกันว่า คาตาเรส (Katares) ใช้ใส่ลงในโลงศพก่อนจะฝัง

เชื่อกันว่า

ตะกั่วจะทําให้คําสาปจมลงไปอย่างรวดเร็วถึงขุมนรกพร้อมกับวิญญาณผู้ตาย เพื่อที่พระยมจะได้อ่านคําสาปและดลบันดาลให้เป็นไปตามนั้น

นอกจากนี้ การฝากหรือทิ้งแผ่นคําสาปลงไปในนํ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง

เพราะนํ้าจะสามารถสื่อ ไปถึงผู้ที่เราต้องการสาปได้ ซึ่งแผ่นคาตาเรสกว่า 100 แผ่นที่ค้นพบนี้ได้ระบุจ่าหน้าถึง ซูลิส ไมเนอร์วา ซึ่งเป็นเทพีด้านอุทกของโรมัน
เคนเนดี้
เคนเนดี้

อันดับ 2 คําสาปวัฏจักรมรณกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นี่ก็เป็นอาถรรพณ์อีกอย่างซึ่ง โด่งดังมาก นั่นคือ ปธน. สหรัฐฯ ท่านใดที่ได้รับเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะต้องถึงแก่ มรณกรรมในหน้าที่ ตํานานระบุว่า ผู้ที่สาปก็คือ เตคัมเซ่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ผู้คับแค้นจากการถูกชนผิวขาวเข้ามายํ่ายีแย่งแผ่นดิน

เขาได้สาปไว้ก่อนที่จะถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 1813 

ปธน.คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อก็คือ วิลเลียม เฮนรีย์ แฮร์ริสัน ที่ได้รับเลือกตั้งใน ค.ศ. 1840

ถัดจากนั้นคําสาปก็เป็นจริงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น 

ลิน-คอล์น (1860)
การ์ฟิลด์ (1880)
แม็คคินลีย์ (1900)
ฮาร์ดิ้ง (1920)
รูสเวลท์ (1940)
เคนเนดี้ (1960)

อันดับ 1 คําสาปในสวนอีเดน (Garden of Eden) 
นับเป็นคําสาปแรกเริ่มสุดๆ ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกโน่นเลย โดยปรากฏเรื่องราวอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ก็อดทรงเสกอาดัม-มนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน จากนั้นก็แซะเอาซี่โครงของอาดัมมาเสกเป็นอีฟ แล้วส่งทั้งคู่ไปอยู่ในสวนอีเดน

พร้อมรับสั่งว่าจะกินอะไรก็ได้ทุกอย่าง

ยกเว้นผลไม้จากต้นแห่ง ความรู้หรือแอปเปิ้ล

แต่งูตัวแสบซิครับ มันยุยงอีฟให้หมํ่าแอปเปิ้ลเข้าไป 

หมํ่าคนเดียวไม่พอ อีฟยังชักชวนให้อาดัมหมํ่าด้วย เมื่อขัดคําสั่งของพระเจ้า ก็เป็นเรื่องซิ

ร้านยามหาวิทยาลัยมหาสารคาม


     

            สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน ร้านยามหาวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นโดยมติของสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีมติเห็นชอบโครงการสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2542 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2542 โดยเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2549 บริหารจัดการโดยคณะกรรมการบริหารโครงการสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน

     ร้านยามาตรฐาน บริการคุณภาพ


     มุ่งเป็นสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชนที่ได้มาตรฐาน เพื่อดูแลประชาชนในด้านการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ให้เกิดสวัสดิภาพประและประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสร้างเสริมสุขภาพ

     1.เพื่อใช้เป็นแหล่งฝึกปฎิบัติงาน สำหรับนิสิตเภสัชศาสตร์ เป็นการเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์ ในการให้การบริบาลทางเภสัชกรรมในชุมชน
     2.เพื่อเป็นแหล่งให้บริการทางด้านยาเวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐานแก่ประชาชนทั่วไป
     3.เพื่อให้การบริบาลทางเภสัชกรรมติดตามผลการใช้ยาในผู้ป่วย ให้ความรู้และคำแนะนำปรึกษาด้านยา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีโทษน้อยที่สุดแก่ประชาชนทั่วไป
     4.ส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพร ยาสามัญประจำบ้าน ให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองเบื้องต้น อย่างเหมาะสม และถูกต้อง
     5.เพื่อพัฒนาเป็นเครือข่ายร้านยาต่อไปในอนาคต
     6.เป็นต้นแบบร้านยามาตรฐานสำหรับนิสิตและเภสัชกรร่วมวิชาชีพ
     7.เพื่อเผยแพร่บทบาทวิชาชีพเภสัชกรรมแก่ชุมชน
     8.เพื่อสร้างรายได้และนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนของคณะเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในการ ดำเนินการร้านยาสาขาอื่นๆต่อไป

ภาพบรรยากาศในร้าน









    
 ร้านยาสาขา 1 เทศบาลเมืองมหาสารคาม      
จันทร์-ศุกร์ เปิด 08.30-21.00 น. 
(ยกเว้นวันอังคารและพฤหัสบดี 07.30-21.00 น.) 
เสาร์-อาทิตย์ นขัตฤกษ์ เปิด 10.00-21.00 น. แผนที่
 ร้านยาสาขา 2 Plazaมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
จันทร์-ศุกร์ เปิด 09.00-21.00 น. 
เสาร์-อาทิตย์ นขัตฤกษ์ เปิด 10.00-21.00 น. แผนที่
 ร้านยาสาขา 3  ท่าขอนยาง                     
จันทร์-ศุกร์ เปิด 11.00-21.00 
เสาร์-อาทิตย์ นขัตฤกษ์ เปิด 11.00-21.00 น. แผนที่







คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 

ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150 | www.pharmacy.msu.ac.th
Webmaster E-mail:pk_poohs@hotmail.com

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมา วันแม่แห่งชาติ



ความเป็นมา
งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515
แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ

ดอกมะลิ สัญลักษณ์ของวันแม่
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พระนามเดิม หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล (ภายหลังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ)กับ หม่อมหลวงบัว กิติยากร เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ บ้านของพลเอกเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (ม.ร.ว.สท้าน สนิทวงศ์) และท้าววนิดาพิจาริณี บิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว กิติยากร ตั้งอยู่ที่ 1808 ถนนพระรามที่ 6 อำเภอปทุมวัน จ.พระนคร ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "สิริกิติ์" มีความหมายว่า "ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร"



ตราประจำพระองค์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระภาดา (พี่ชาย) 2 องค์ และและพระขนิษฐภคินี (น้องสาว) 1 องค์ ดังนี้ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร (ชาตะ พ.ศ. 2472) หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร (ชาตะ พ.ศ. 2473) และ หม่อมราชวงศ์หญิง บุษบา กิติยากร (ชาตะ พ.ศ. 2477)
ในระหว่างยังทรงพระเยาว์ สถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้สงบนัก เนื่องจากเพิ่งพ้นจากช่วงของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ไม่นาน หม่อมเจ้านักขัตรมงคลต้องทรงออกจากราชการ รัฐบาลแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งเลขานุการเอกประจำสถานทูตสยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนหม่อมหลวงบัวซึ่งมีครรภ์แก่ ได้เดินทางไปสมทบหลังจากให้กำเนิดหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์แล้ว โดยมอบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ให้อยู่ในความดูแลของบิดาและมารดาของหม่อมหลวงบัว ดังนั้นจึงต้องอยู่ไกลจากบิดามารดาตั้งแต่อายุน้อย บางคราวต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เช่น พ.ศ. 2476 หม่อมเจ้าอัปสรสมาน กิติยากร พระมารดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ได้ทรงรับนัดดาตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปอยู่ที่จังหวัดสงขลา ปลายปี พ.ศ. 2477 หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงลาออกจากราชการแล้วกลับมาประเทศไทย จึงทำให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 2 ปี 6 เดือน ได้กลับมาอยู่รวมพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ณ ตำหนักบริเวณถนนกรุงเกษม ปากคลองผดุงกรุงเกษม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การศึกษาพ.ศ. 2479 เมื่อหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์มีอายุได้ 4 ขวบ ก็ได้เข้ารับการศึกษาครั้งแรกในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินี ทว่าในขณะนั้น แม้เหตุการณ์ด้านการเมืองภายในประเทศไทยจะสงบลง แต่สถานการณ์ระหว่างประเทศก็ไม่สงบ กล่าวคือ สงครามมหาเอเชียบูรพาเริ่มแผ่ขยายมาถึงประเทศไทย กรุงเทพมหานครถูกโจมตีทางอากาศหลายครั้งจนการคมนาคมไม่สะดวก พระบิดาจึงให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เพราะอยู่ใกล้วังพระบิดา ได้เรียนที่นั่นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนจบชั้นมัธยมศึกษา หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ได้เรียนเปียโน ซึ่งเรียนได้ดีและเร็วเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังได้ศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสด้วย
พ.ศ. 2489 ครั้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง หม่อมเจ้านักขัตรมงคลต้องเสด็จไปดำรงตำแหน่งรัฐทูตวิสามัญและอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มประจำสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้โดยได้ทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปอยู่ด้วย ในเวลานั้นหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ มีอายุได้ 13 ปีเศษ และเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว
ขณะที่อยู่ในประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ได้ศึกษาต่อทั้งวิชาภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส และวิชาเปียโนกับครูพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน พระบิดาย้ายไปเดนมาร์กและฝรั่งเศส ตามลำดับ ขณะที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ก็ยังคงเรียนเปียโน และตั้งใจจะศึกษาต่อในวิทยาลัยการดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส
ระหว่างที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ได้มีโอกาสรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช (ขณะนั้นทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์) ซึ่งพระองค์เสด็จประพาสกรุงปารีส โดยทางรถยนต์จากสวิตเซอร์แลนด์ เพราะประสงค์จะเลือกซื้อรถยนต์พระที่นั่งแทนคันเดิม และยังได้รับชมการแสดงดนตรีของคณะที่มีชื่อเสียงด้วย ในระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินมายังกรุงปารีส ก็ได้ประทับที่สถานทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกันกับนักเรียนไทยคนอื่นในสมัยนั้น ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงโปรดการดนตรีเป็นพิเศษ ขณะที่หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ก็สนใจศิลปะเช่นกัน ทำให้เกิดความความสัมพันธ์ขึ้น
ทรงหมั้นวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยมีหม่อมหลวงบัวและหม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการเป็นประจำ และในช่วงระยะเวลาที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อยู่เฝ้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระนามในเวลานั้น) ได้ทรงรับเป็นธุระจัดการให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าศึกษาในโรงเรียน Pensionnat Riante Rive [ต้องการแหล่งอ้างอิง] ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งของโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากอาการประชวรแล้ว ก็ได้ทรงหมั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็นการภายในเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492
หลังจากทรงหมั้นแล้ว หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ยังคงศึกษาต่อ กระทั่ง พ.ศ. 2493 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนครเพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์ท่านโปรดฯ ให้หม่อมราชวงศ์หญิงสิริกิติ์ตามเสด็จพระราชดำเนินกลับมาด้วย
อภิเษกสมรสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงสายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้น ณ วังสระปทุม และโปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
หลังจากครองราชย์สมบัติอย่างกะทันหัน พระบาทสมเด็จพระหัวอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 และโปรดฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ กลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงรักษาพระองค์และทรงศึกษาต่อ แล้วเสด็จฯ กลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2495
พระราชโอรสธิดาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชโอรส และพระราชธิดา 4 พระองค์ ดังนี้
1. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติ ณ สถานพยาบาลมองซัวซี นครโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 ต่อมาได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ (ปัจจุบัน ทรงพระนามว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริโสภาพรรณวดี) เพื่อสมรสกับนายปีเตอร์ เลด เจนเซ่น ชาวอเมริกัน ทรงมีพระโอรส 1 องค์ และพระธิดา 2 องค์
2. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักราดิศรสันตติวงศ์ เทเวศรธำรงสุรบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดชภูมิพลนเรศวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์ สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2495 ต่อมา ทรงได้รับการสถาปนา ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. 2515
3. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ต่อมาทรงได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อ พ.ศ. 2520
4. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม พ.ศ. 2500 ทรงอภิเษกสมรสกับ เรืออากาศโท (ยศในขณะนั้น) วีระยุทธ ดิษยะศริน ทรงมีพระธิดา 2 พระองค์
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกผนวชเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน และระหว่างที่ผนวช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
ดอกมะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์วันเเม่
1. ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ
2. ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
3. การประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ และประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
4. จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ การแสดง การประกวดต่างๆ เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
5. การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล
6. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่